วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

ตัวอย่างคำกล่าวต่าง ๆ

1. คำกล่าวรายงาน

คำกล่าวรายงาน
“โครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษา”
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ประจำปีงบประมาณ 2548
..................................................
เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ที่เคารพ

กระผม นายอุดร พิสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต5 ในนามคณะกรรมการดำเนินงาน ขอขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 เป็นอย่างสูงที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในวันนี้ ขอเรียนความเป็นมาใน
การจัดอบรมครั้งนี้ เพื่อโปรดทราบโดยสังเขป ดังนี้
สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่อง “โรคเอดส์” ในสถานศึกษา กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรคได้มอบหมายงานให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 เป็นแกนนำในการจัดประชุมอบรมรณรงค์ป้องกัน “โรคเอดส์” ในสถานศึกษา ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้ตระหนึกถึงปัญหาของ “โรคเอดส์” ตลอดจนการอยู่ร่วมกับผู้ป่วย “โรคเอดส์” อย่างถูกต้อง ตลอดจนเห็นความสำคัญของครู ในการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา “โรคเอดส์” ในสถานศึกษาซึ่งถือว่าเป็นการป้องกันในระดับรากหญ้า ครูในฐานะเป็นผู้พัฒนาคุณภาพของคน และสังคม ทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติ ปฏิบัติภารกิจในการที่จะช่วยเหลือ ผู้เข้าร่วมประชุมอบรมวันนี้ ประกอบด้วยนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเป็นผู้แทนโรงเรียนละ 2 คน รวม 30 คน ครู/อาจารย์รับผิดชอบงานอนามัยหรืองาน “โรคเอดส์” โรงเรียนละ 2 คน รวม 30 คน เจ้าหน้าที่เขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 จำนวน 10 คน โรงเรียนขยายโอกาสจำนวน 30 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน -100 คน โดยใช้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค
วิทยากรได้รับความร่วมมือจาก ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอุบลราชธานี ด้านสถานที่ห้องประชุม อาหารเครื่องดื่ม และอื่น ๆ ตลอดจนสิ้นการประชุม วิทยาลัยเทคนิคเดช -อุดม จังหวัดอุบลราชธานี ครู / อาจารย์โรงเรียน ในที่นี้ ที่ให้การสนับสนุนส่งนักเรียนทุกคนได้เข้าร่วมประชุมอบรมในครั้งนี้ สมควรได้รับความขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว จึงขอเรียนท่านประธานกล่าวพิธีเปิดการประชุมและบรรยายพิเศษตามแต่จะพิจารณาเห็นสมควรต่อไป
............................................................
2. คำกล่าวเปิดงาน
คำกล่าวเปิดงาน
“โครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษา”
.........................................
เรียน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สพท. อบ.5 คณะครู/อาจารย์ และผู้มีเกียรติทุกท่าน

กระผม รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมโครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกัน “โรคเอดส์” ในสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ประจำปีงบประมาณ 2548 ในวันนี้
จากการที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และถือเป็นนโยบายหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการในเรื่อง “โรคเอดส์” ที่ผ่านมาจากสื่อต่าง ๆ ทำให้สามารถสะท้อนให้เห็นสภาพของผู้ป่วยด้วย “โรคเอดส์” ที่สมควรได้รับการดูแลจากสังคม ทุกด้านเยาวชนในสถานศึกษา เป็นอนาคตของชาติ ควรจะได้เรียนรู้ถึงทักษะชีวิต ในการป้องกัน “โรคเอดส์” ที่อาจจะเกิดกับตัวเอง และได้ตระหนักถึงปัญหาของ “โรคเอดส์” ตลอดจนการอยู่ร่วมกับผู้ป่วย “โรคเอดส์” อย่างถูกต้อง
จากการรายงานของ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา-อุบลราชธานี เขต 5 ทำให้ทราบว่า การพัฒนานักเรียนซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ของเด็กเยาวชนในระดับรากหญ้า ขอให้ทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมอบรมในวันนี้ ได้ทำความเข้าใจการอบรมทักษะชีวิตในครั้งนี้ เพื่อที่จะนำไปใช้อย่างจริงจัง และให้เกิดประโยชน์ในสถานศึกษาของท่าน และขยายผลให้กับสถานศึกษาใกล้เคียง
ขอขอบพระคุณวิทยากร จากศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้

บัดนี้ ได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว กระผมขอเปิดการประชุมอบรมโครงการรณรงค์ “โรคเอดส์” ในสถานศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ณ บัดนี้
..................................................................
3. คำกล่าวปิดงาน
คำกล่าวปิดงาน
ของ
คณบดีคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
หลักสูตร “การพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP”
27 เมษายน 2551
...............................................
ท่านรองคณบดี คณาจารย์ และผู้เข้าฝึกอบรมทุกท่าน

กระผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีปิดโครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต หลักสูตร “การพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP” ซึ่งฝ่ายกิจการนักศึกษาและกิจการพิเศษ ร่วมกับสาขาวิชาระบบสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ศูนย์สุพรรณบุรี ได้ร่วมกันจัดขึ้น
จากที่รองคณบดีได้รายงานผลการจัดโครงการฝึกอบรมให้ทราบนั้น กระผมขอแสดงยินดีและชื่นชมต่อความสำเร็จของทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรม จนทำให้ได้รับวุฒิบัตร

ท้ายที่สุดนี้ กระผมขอขอบคุณคณะกรรมการดำเนินงาน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการจัดโครงการในครั้งนี้ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้เสียสละเวลามาบรรยาย ถ่ายทอดประสบการณ์และให้ความรู้ และขอขอบคุณผู้เข้าฝึกอบรมทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล จงดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไป และขอให้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอปิดโครงการโครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต หลักสูตร “การพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP” ณ บัดนี้
....................................................
4. คำกล่าวแนะนำบุคคล
สืบ นาคะเสถียร
สืบ นาคะเสถียร เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี บิดาคือ นายสลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยคุณสืบ นาคะเสถียรเป็นบุตรชายคนโต ในวัยเด็ก สืบ นาคะเสถียร ได้ช่วยงานในนาของมารดา ทำงานอยู่กลางแจ้งทั้งวันโดยไม่ปริปากบ่น บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด การศึกษาสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโท สาขาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สาขาวิชาอนุรักษ์วิทยา
การทำงาน สืบ นาคะเสถียรเข้ารับราชการในตำแหน่งเริ่มต้น คือตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า และปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอื่น ๆ ต่อมาคือหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราษฎ์ธานี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำแหน่งสุดท้ายคือ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร
สืบ นาคะเสถียร ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า ทั้งในด้านการวิจัยและด้านการปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเดือดร้อน เช่น การอพยพสัตว์ป่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน เชี่ยวหลาน เขาทำงานด้วยความเสียสละ รับผิดชอบ และมีความตั้งใจสูง คำนึงถึงความปลอดภัยและสวัสดิการของผู้ร่วมงานอย่างเช่นการปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2529 ซึ่งจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน ทำให้ป่าดงดิบนับแสนไร่ต้องจมอยู่ใต้น้ำส่วนที่เป็นเนินเขาและภูเขาถูกตัดขาดเป็นเกาะน้อยใหญ่จำนวน 162 เกาะ สัตว์ป่านานาชนิดที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องได้รับผลกระทบจากการที่มีน้ำท่วมฉับพลัน สัตว์ป่าจำนวนมากที่หนีน้ำไม่ทันไม่น้อยกว่า 338 ชนิด ซึ่งมีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น เลียงผา เสือลายเมฆ สมเสร็จ ช้าง กระทิง วัวแดง ไก้ฟ้าหน้าเขียว นกหว้า กบทูด เป็นต้น สัตว์ป่าเหล่านี้ต้องประสบกับการอดอาหาร ขาดร่มเงา ต้นไม้ที่เหลืออยู่บนเกาะก็กำลังจะตาย สัตว์ที่ติดอยู่บนเกาะไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องอดอาหารหรือจมน้ำตาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน สืบ นาคะเสถียร คือหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าเหล่านี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย
.........................................................
5. คำกล่าวปราศรัย
คำกล่าวปราศรัย
ของ
ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ ครบรอบ 132 ปี
วันที่ 14 เมษายน 2550
...................................................
พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน
วันนี้ 14 เมษายน ตรงกับวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ ครบ 132 ปี กระผม นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบงานสำคัญบางประการของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ดำเนินการมา และที่จะทำต่อไป ดังนี้
ในประการแรก กระทรวงการต่างประเทศได้ปรับปรุงประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการด้านกงสุลแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การออกหนังสือเดินทาง และการจัดโครงการกงสุลสัญจร เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในท้องถิ่นที่ห่างไกล โดยในปีนี้มีแผนที่จะจัดโครงการให้ได้ 33ครั้ง ในทุกภาคของประเทศ รวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดได้ลงไปที่จังหวัดปัตตานีและสงขลา ซึ่งพี่น้องประชาชนมาใช้บริการรวมแล้วเกือบ 10,000 คน รวมบรรดาท่านที่กำลังจะไปร่วมพิธีฮัจย์ด้วย นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศยังได้ติดตามดูแลสวัสดิภาพ และความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยในต่างประเทศในเกือบ 100แห่งทั่วโลก โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้ให้การช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศแล้วทั้งสิ้นเกือบ 2,000 ราย
งานสำคัญประการที่สองของกระทรวงการต่างประเทศ ได้แก่ การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องถือว่าเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งบัดนี้ทวีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นขึ้นมาก ท่านนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยน การเยือน และล่าสุด กระผมเองได้ไปเยือนมาเลเซีย และตกลงที่จะร่วมมือกับมาเลเซียในหลายด้านที่จะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภาคใต้ นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศยังได้ดำเนินการแสวงหาพันธมิตรในประชาคมมุสลิมระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจที่ถูกต้องในเวทีระหว่างประเทศ ว่าเรื่องภาคใต้เป็นปัญหาภายในประเทศของไทย และรัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหานี้โดยสันติวิธี เน้นความสมานฉันท์ การส่งเสริมการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยเน้นความเป็นธรรมและความเป็นไทย ตลอดจนดูแลลูกหลานของเราที่กำลังศึกษาในประเทศมุสลิม ซึ่งจะเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศของเราต่อไป
ในประการที่สาม กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเพื่อนบ้าน บนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่เกื้อกูลกัน อันจะนำมาซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพี่น้องประชาชนในอนุภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน นอกจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศยังได้ผลักดันความคืบหน้าของกรอบความร่วมมือในภูมิภาคที่เรียกกันว่า ความร่วมมือ 3 ลุ่มแม่น้ำ ได้แก่ อิรวดี เจ้าพระยา แม่โขง ในหลายด้านอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางคมนาคม อันจะช่วยอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ของพี่น้องประชาชนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น กับยังจะช่วยเปิดทางนำประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนและอินเดียมาสู่ภูมิภาคนี้ได้ด้วย ซึ่งพี่น้องทุกท่านคงเห็นด้วยว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และมีศักยภาพที่จะเป็นจุดศูนย์กลางของการคมนาคมในเอเชียได้เป็นอย่างดี
ในประการที่สี่ กระทรวงการต่างประเทศได้ผลักดันความก้าวหน้าของอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยปีนี้เป็นปีสำคัญ หากเปรียบเทียบกับชีวิตคนแล้ว อาเซียนกำลังก้าวเข้าสู่วัยกลางคนโดยจะมีอายุครบ 40 ปี และจะมีการจัดทำกฎบัตรอาเซียนเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นธรรมนูญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้ สำหรับไทยเองจะรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปี 2551 และในต้นปีเดียวกัน คนไทยผู้เป็นที่ยอมรับนับถือ ทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ ก็จะได้รับตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน กระผมคิดว่าเป็นโอกาสดีมาก ที่เราจะผลักดันการรวมตัวของอาเซียน ให้เป็นครอบครัว ที่ใกล้ชิดกันในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่ต่อไปในรูปของประชาคม ซึ่งมีกฎเกณฑ์เป็นพื้นฐาน และแน่นอนว่าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของอาเซียนดังกล่าว จะยังประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนอย่างมาก
ในประการที่ห้า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาทำให้ประเทศส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์และคงความเป็นมิตรที่ดีต่อไทย คงมีเพียงบางประเทศที่อาจจะยังติดขัดด้วยกฎเกณฑ์หรือกฎหมายที่เขายึดถือ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็กำลังดำเนินงานอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้มิตรของเราได้เข้าใจและเห็นความจริงจังของรัฐบาลในการนำประเทศกลับสู่กระบวนการประชาธิปไตยในกรอบเวลาอันชัดเจน สัญญาญที่ได้รับมาจนถึงวันนี้ส่อชัดว่าเรากำลังเดินไปในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม
พี่น้องประชาชนที่รัก ตลอดระยะเวลา 132 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินงานโดยยึดมั่นในจุดยืนที่จะรักษาความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศและประชาชน ส่งเสริมความกินดีอยู่ดีของประชาชน รวมทั้งปกปักษ์รักษาอธิปไตย และเอกราชของชาติ ตลอดจนศักดิ์ศรีของประเทศไทยให้คงอยู่สืบต่อไป ในโอกาสนี้ กระผมขอเชิญชวนให้พี่น้องทุกท่านติดตามงานด้านการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะกับกระทรวงการต่างประเทศได้ตลอดเวลา เพื่อเราจะได้ปรับปรุงการดำเนินงานของเราให้ตอบสนองต่อความต้องการของท่าน และผลประโยชน์แห่งชาติให้มากยิ่งๆ ขึ้น
ท้ายสุดนี้ ในโอกาสที่เป็นปีใหม่ของชาวไทยทุกท่าน กระผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ได้โปรดคุ้มครองพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ประสบแต่ความสุข มีสุขภาพแข็งแรง เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิต มีสรรพกำลัง ทั้งกาย ใจ และสติปัญญา ที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้า และมีความอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป ขอขอบคุณและสวัสดีครับ
.............................................................

วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2552

สารคดี

วาฬหลังค่อม
ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ทะเลออกมาระบุเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า คลื่นเสียงรบกวนใต้ทะเลจากกิจกรรมของมนุษย์ซึ่งเพิ่มระดับความดังขึ้นทุกที ไม่ว่าเสียงคำรามของเครื่องยนต์เรือเดินสมุทร การสำรวจแรงสั่นสะเทือนโดยบริษัทขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ หรือคลื่นโซนาร์จากกองทัพเรือ กำลังคุกคามวิถีชีวิตสัตว์ทะเลอย่างรุนแรง โดยเฉพาะวาฬ โลมา และเต่าทะเล ซึ่งใช้คลื่นเสียงในการสื่อสาร หาอาหาร และจับคู่ผสมพันธุ์
ผู้เชี่ยวชาญยังคาดว่าสัตว์ทะเลที่ตื่นตกใจจากเสียงรบกวนอาจดำน้ำอย่างผิดปรกติ กระทั่งได้รับความทรมานจากอาการป่วยแบบที่เกิดกับนักดำน้ำเมื่อดำน้ำลึกแล้วรีบขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันพักปรับระดับความดันตามกำหนด
จากรายงาน Ocean Noise: Turn It Downโดยกองทุนนานาชาติเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ ระบุว่าระยะทางที่วาฬสีน้ำเงินสามารถใช้เสียงเพื่อการสื่อสารถูกตัดขาดถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์จากผลกระทบของเสียงรบกวนใต้น้ำที่ดังมากขึ้น
รายงานดังกล่าวยังระบุว่า ช่วงเวลา ๕๐ ปีที่ผ่านมา คลื่นเสียงรบกวนความถี่ต่ำใต้ทะเลมีระดับความดังเพิ่มเป็น ๒ เท่าทุก ๆ ๑๐ ปี ขณะที่จำนวนเรือเพิ่มขึ้นเป็น ๓ เท่า
ผลกระทบจากเรือที่มีจำนวนมากขึ้นและมีความเร็วสูงขึ้นทำให้มีสัตว์ทะเลถูกเรือชนเพิ่มมากขึ้นด้วย นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญยังแสดงความกังวลต่อปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้น้ำทะเลมีสภาพเป็นกรดสูงขึ้นและสามารถดูดซับเสียงรบกวนใต้น้ำได้น้อยลง
“เมื่อใต้น้ำเต็มไปด้วยเสียงรบกวน สัตว์ทะเลจะไม่ได้ยินเสียงเรือที่กำลังแล่นมา” มาร์ก ซิมมอนดส์ ผู้อำนวยการวิทยาศาสตร์แห่งสมาคมอนุรักษ์วาฬและโลมา กล่าวถึงผลกระทบที่ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่
นักอนุรักษ์สัตว์ทะเลออกมาเรียกร้องรัฐบาลและกลุ่มอุตสาหกรรมประเทศต่าง ๆ ให้หันมาใช้เครื่องยนต์เรือที่ส่งเสียงเบากว่าเดิม เข้มงวดต่อการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเล รวมทั้งลดการปล่อยคลื่นโซนาร์โดยกองทัพเรือด้วย

ข่าวแจก


มสด.ให้ทุนนักศึกษา แก้ปัญหากู้เงินเรียน
ใน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนตกงาน รายได้ลด รายจ่ายมาก แน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษาด้วย เพราะในแต่ละปีมีนักเรียน นักศึกษาเป็นจำนวนมากต้องอาศัยการกู้ยืมจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการ ศึกษา (กยศ.) และในภาวะที่เศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ส่งผลให้จำนวนการขอกู้เงินเพื่อการศึกษามี มากขึ้นตามลำดับ
นอกจากนี้ยังมีนักเรียน นักศึกษาที่เป็นผู้กู้รายเก่าอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วทำให้การขยายโอกาสทางการศึกษาของรัฐบาลโดยให้เงินกู้ยืม นั้นไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ขอกู้ ซึ่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตในแต่ละปีการศึกษาก็มีนักศึกษาที่เข้าศึกษา ต่อและอยู่ในกลุ่มต้องกู้ยืมกองทุน กยศ. ซึ่งที่ผ่านมาจะประสบปัญหาที่นักศึกษาบางส่วนไม่ได้รับการอนุมัติให้เงินกู้ เนื่องจากมีผู้กู้จำนวนมาก และมหาวิทยาลัยได้รับเงินจัดสรรให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาจำนวนจำกัด ดังนั้นมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตจึงมีโครงการในการช่วยเหลือนักศึกษาที่มี ความประสงค์จะขอกู้เงินเรียน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และผู้ปกครอง ในเรื่องค่าใช้จ่ายในการศึกษา
ผศ.ทิพย์วิมล กิตติวราพล ผู้อำนวยการศูนย์สนเทศแนะแนวการศึกษาและอาชีพ มสด. กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตมีโครงการในการช่วยเหลือนักศึกษาที่ขาดแคลนทุน ทรัพย์ ทั้งในรูปแบบโครงการให้ทุนโดยจัดหาทุนในแต่ละปี รวมถึงมหาวิทยาลัยได้จัดตั้งกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ของมหาวิทยาลัยเอง โดยให้นักศึกษากู้ยืมเงินในการชำระค่าเล่าเรียน และนักศึกษาผ่อนชำระคืนในภายหลัง ทั้งนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง นอกจากนี้มหาวิทยาลัยจัดให้มีโครงการสวนดุสิตเสริมโอกาส โดยให้นักศึกษาที่เข้าร่วมในโครงการทำงานในหน่วยงานต่างๆ ของมหาวิทยาลัย เดือนละ 75 ชั่วโมง โดยได้รับค่าตอบแทน 3,000 บาท ซึ่งโครงการนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะนอกจากนักศึกษาจะได้เงินเพื่อไปใช้จ่ายในการเรียนแล้ว นักศึกษายังได้เรียนรู้ ได้ประสบ การณ์ในการทำงาน ฝึกในด้านความรับผิดชอบ นักศึกษาจะเห็นคุณค่าของเงินที่ได้รับ เพราะเงินที่ได้รับได้จากการทำงานของตนเอง
น.ส.สุกัญญา กวยทอง นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มสด. หลักสูตรเทคโนโลยีสารสนเทศ นักศึกษาในโครงการสวนดุสิตเสริมโอกาส กล่าวว่า ได้ทำงานในโครงการสวนดุสิตเสริมโอกาส ทำให้มีค่าใช้จ่ายในด้านการเรียน มาทำงานในโครงการนี้ได้ประโยชน์มาก ทำให้ได้ประสบการณ์ในการทำงาน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การทำงานด้านเอกสารต่างๆ แล้วก็ไม่เสียการเรียนค่ะ เพราะทำงานในช่วงที่ว่างจากการเรียน ส่วนในเรื่องของกองทุน กยศ.เคยยื่นขอกู้ไปแล้วแต่ไม่ได้ เพิ่งทราบในภายหลังว่ามีเพื่อนยื่นขอเยอะ และบางคนลำบากมากกว่าเรา รวมถึงได้มาทำโครงการ 75 ชั่วโมงของมหาวิทยาลัยแล้วก็ถือว่าได้ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองได้มาก ขึ้น จึงไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับกองทุน กยศ.แต่อย่างใด
น.ส.ขวัญใจ แซ่เติ๋น นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มสด. หลักสูตรจิตวิทยา นักศึกษาโครงการสวนดุสิตเสริมโอกาส กล่าวว่า ได้มาทำงานในโครงการสวนดุสิตเสริมโอกาสของมหาวิทยาลัย ทำให้ได้เรียนรู้การทำงาน โดยเฉพาะงานด้านเอกสาร รวมถึงมีรายได้พิเศษด้วยก็นำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนได้
นาย นัฐวุฒิ จันทร์พุ่ม นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มสด. หลักสูตรนิติศาสตร์ นักศึกษาที่กู้ยืมเงิน กยศ. กล่าวว่า เคยเจอปัญหาในเรื่องของเอกสาร เช่น การขอรับรองรายได้ผู้กู้ สถานะครอบครัว เพราะที่บ้านไม่มีใครเป็นข้าราชการ บางทีข้าราชการที่เราไปขอให้เซ็นรับรองก็ไม่ค่อยอยากจะเซ็นรับรองให้ ส่วนในเรื่องข้อมูล ระเบียบข้อกำหนด ขั้นตอนต่างๆ ของการกู้ยืม คิดว่ามีความชัดเจน ละเอียด และเข้าใจง่าย และปกติตนเองเป็นคนติดตามข่าวสารเรื่องการกู้ยืมอยู่ตลอด ทำให้ส่งเอกสารต่างๆ ได้ตามเวลาที่กำหนด ส่วนเรื่องความล่าช้าต่างๆ เข้าใจว่าปัจจุบันจำนวนผู้กู้มีจำนวนมาก และเอกสารก็มากตามไปด้วย อาจทำให้กระบวนการในการตรวจสอบและอนุมัติเงินกู้มีความล่าช้า เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบ นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลเพิ่มค่าครองชีพจากเดิม 2,000 บาท เป็น 3,000 บาท เพราะปัจจุบันค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าครองชีพมีมากขึ้น ทำให้ไม่เพียงพอ
น. ส.สุทธิวาท สุวรรณกุลรัตน์ ชั้นปีที่ 4 มสด. หลักสูตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นักศึกษาที่กู้ยืมเงิน กยศ. กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในการยื่นเรื่องกู้ยืม คือเรื่องของเอกสาร ที่อาจหาไม่ทัน ไม่ครบ รวมถึงเรื่องการรับรองรายได้ อย่างเพื่อนที่มีบ้านอยู่ต่างจังหวัดต้องหากำนัน หรือผู้ใหญ่บ้านมารับรองให้ ซึ่งกว่าจะส่งเอกสารไปและส่งกลับมาอีกทีต้องใช้ระยะเวลานาน ส่งผลให้มายื่นเอกสารช้า ไม่ตรงเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่าเอกสารมีรายละเอียดมาก บางคำถามไม่เข้าใจ ไม่สามารถเขียนตอบได้หมด เอกสารห้ามเขียนผิด ห้ามมีรอยลบ สำหรับเรื่องการได้เงินกู้ช้าคิดว่าจำนวนผู้กู้มีจำนวนมาก ทำให้กระบวนการอาจเกิดการล่าช้าได้ สิ่งที่อยากให้แก้ไขคือเรื่องความรวดเร็วเรื่องการส่งเงินให้ผู้กู้ เพราะส่งเงินมาช้า บางทีมีความจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องหางานพิเศษทำเพื่อให้ได้เงินนำมาใช้จ่ายก่อน
การศึกษา เป็นเรื่องสำคัญ เป็นหัวใจ เป็นราก ฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ หากเด็กไทยในวันนี้ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าและเป็นอนาคตของชาติ ยังขาดการดูแลและเอาใจใส่ในเรื่องการให้การศึกษาคงไม่ใช่เพียงหน้าที่ของ รัฐบาล หรือสถานศึกษาที่ต้องดูแลเท่านั้น หากแต่ภาคเอกชนรวมถึงผู้ปกครองจำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญและเอาใจใส่ มากกว่านี้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
เบอร์ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ 02-244-5101


วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ทั้ง 3 ลักษณะ

1. ข่าวเกี่ยวกับหน่วยงาน องค์กร และสถาบันโดยตรง

สวนดุสิต ปลื้ม ! ยอดสมัครเรียนล้น...สาขาพยาบาล
อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและโรงแรม , อุตสาหกรรมอาหารและบริการแข่งขันสูง

อาจารย์สวงศ์ บุญปลูก ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิชาการและงานทะเบียนมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ มสด. เปิดรับสมัครนักเรียนนักศึกษา ที่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ประจำปีการศึกษา 2552 ในระบบรับตรงและโควต้า ปรากฏว่ามีผู้สนใจสมัครเข้าเรียนต่อจำนวนมากถึง 12,000 คน ขณะที่มหาวิทยาลัยรองรับได้เพียง 2,500 คน ใน 5 คณะ คือคณะพยาบาลศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ คณะครุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ทั้งนี้จากข้อมูลยังพบว่า คณะที่นักศึกษามียอดผู้สมัครมาก และมีอัตราการแข่งขันค่อนข้างสูง เนื่องจากมีจำนวนรับไม่มากได้แก่ คณะพยาบาลศาสตร์ / คณะวิทยาการจัดการ หลักสูตรอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบริการ / คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หลักสูตรอุตสาหกรรมอาหารและการบริการ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของ มสด. ที่มี
ความเชี่ยวชาญทางด้านอาหารและการบริการ รวมทั้งพยาบาลศาสตร์ที่เปิดการเรียนการสอนเป็นปีที่3 แล้ว
อย่างไรก็ตาม ทางมหาวิทยาลัยจะประกาศรายชื่อผู้เข้าศึกษาต่อในวันที่ 9มกราคม พ.ศ.2552 และจะเปิดรับสมัครนักศึกษาในระบบรับตรง ครั้งที่ 2 ในช่วงเดือนมกราคม 2552 เนื่องจากในปีนี้มีผู้สมัครสอบจำนวนมาก ทางมสด. จึงเน้นในเรื่องของบุคลิกภาพของนักศึกษาให้มีคุณลักษณะและบุคลิกภาพที่ดี เหมาะสมกับวิชาชีพ เพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงาน

2. ข่าวเกี่ยวกับกิจกรรมที่จัดทำเพื่อการประชาสัมพันธ์

น้ำอบไทยสวนดุสิต...ต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ โดยสถาบันภาษา ศิลปะ และวัฒนธรรม

ใกล้เข้ามาอีกครั้งกับประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนานในช่วงที่ลมร้อนพัดมาเยือน อย่างเช่นประเพณีสงกรานต์ กิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ซึ่งได้มาช่วยคลายร้อน นั่นคือ การเล่นน้ำสงกรานต์ ตั้งแต่สมัยโบราณ เรามักใช้น้ำอบไทย ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จากการปรุงกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ จากดอกไม้ไทยนานาพันธุ์ สำหรับรดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ในเทศกาลวันปีใหม่ไทย แม้ว่าปัจจุบันกลิ่นหอมของน้ำอบไทยอาจจางหายจากสังคมไทยไปบ้าง เพราะการเข้ามาแทนที่ของการสาดน้ำอย่างสนุกสนาน โดยใช้น้ำประปาตระเวนไปตามท้องถนน และตามที่ต่างๆ สถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ในฐานะหน่วยงานหนึ่งที่จะส่งเสริม อนุรักษ์ และสืบทอด ความเป็นไทยทั้งในเรื่องของงานศิลปะประดิษฐ์และงานวัฒธรรม ให้กับประเพณีไทยอย่างเช่นสงกรานต์ ทางสถาบันฯ จึงได้เผยเคล็ดลับการปรุงน้ำอบไทยในสูตรของสวนดุสิต นางสาวบุษกร เข่งเจริญ วิทยากรประจำสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม ได้เปิดเผยสูตรการปรุงน้ำอบไทยสวนดุสิต ว่า “การปรุงน้ำอบไทยของสวนดุสิต เริ่มต้นด้วยการ เตรียมส่วนผสม ๓ ส่วนด้วยกัน คือ เครื่องต้มประกอบด้วย จันทน์เทศ ใบเตย ชะลูด เครื่องร่ำ ประกอบด้วย กำยานป่น จันทน์เทศป่น ผิวมะกรูดป่น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง พิมเสน น้ำมันจันทน์ และเครื่องปรุง ประกอบด้วยแป้งหิน ชะมดเช็ด พิมเสน และหัวน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ไทย เช่น กุหลาบ มะลิ กระดังงา ลีลาวดี ลำเจียก ฯลฯ ในส่วนของวิธีทำ เริ่มต้นจากการต้มน้ำให้เดือด แล้วใส่จันทน์เทศสับกับชะลูด ต้มต่อจนน้ำเป็นสีเหลือจางๆ ใส่ชะลูดพร้อมใบเตย จากนั้นต้มต่อ ๑๕ นาที แล้วยกลงกรองด้วยผ้าขาวบางทิ้งไว้ให้เย็น ต่อไปเป็นขั้นตอนการอบควันเทียน ๓-๕ ครั้ง ครั้งละ ๑๕-๒๐ นาที ต่อด้วยขั้นตอนการอบร่ำ โดยนำน้ำที่เย็นแล้วมาอบร่ำ แล้วนำเครื่องอบร่ำทั้งหมดผสมรวมกันใส่กำยานป่น จันทน์เทศป่น ผิวมะกรูดป่น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายแดง พิมเสน น้ำมันจันทน์ ผสมให้เข้ากัน นำทวนวางกลางโถสำหรับรองรับตะคันที่ร้อนแล้วใส่เครื่องปรุงที่เตรียมไว้แล้วปิดฝา อบประมาณ ๓-๕ ครั้ง ครั้งละ ๑๐-๑๕ นาที ขั้นตอนการปรุงกลิ่น เมื่ออบควันเทียนเสร็จแล้วให้นำพิมเสนบดละเอียด ผสมกับแป้งหินบดให้เข้ากันจนเนียน ใส่ชะมดเช็ดและหยดหัวน้ำหอมกลิ่นต่างๆลงไป และดอกไม้หอมบดให้เข้ากัน ตักน้ำอบที่พักไว้ ใส่ส่วนผสมดังกล่าวแล้วกวนให้เข้ากันแล้วกรองด้วยผ้าขาวบางกวนให้เข้ากันแล้วตักแบ่งใส่ขวด” นางสาวบุษกร กล่าวทิ้งท้ายว่า “เคล็ดลับของการปรุงน้ำอบไทยสูตรสวนดุสิต อยู่ที่ การดูแลความสะอาดในทุกๆขั้นตอน เพราะถ้าไม่สะอาดน้ำอบไทยจะเก็บไว้ได้ไม่นาน และจะมีกลิ่นเหม็น เมื่อนำไปประพรมก็จะแพ้เป็นผื่นคัน และทางเราก็มีขั้นตอนในการอบกำยานและควันเทียน ซึ่งในขั้นตอนนี้จะช่วยให้ไม่เกิดการแพ้ และน้ำอบก็จะไม่เสียเก็บได้เป็นปี ยิ่งนานวันกลิ่นจะยิ่งหอม และกลิ่นที่ได้รับความนิยม คือ มะลิและกุหลาบ นอกจากนั้นยังมีอีก ๕ กลิ่น คือ ลีลาวดี จันท์กะพ้อ โมก กระดังงา การเวก” หากใครผ่านไปผ่านมาแถวๆ ตึกเยาวภา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันภาษา ศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ไม่ต้องแปลกใจที่จะได้กลิ่นหอมไทยๆ อบอวลไปทั่วละแวกใกล้เคียง เนื่องมาจากทางสถาบันฯ ได้มีการปรุงน้ำอบไทยสูตรสวนดุสิต และมีจำหน่ายราคาย่อมเยา ซึ่งการันตีด้วยฝีมือที่สืบทอดกันมายาวนานจากอาจารย์รุ่นเก่าแก่ของสวนดุสิต สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อน้ำอบไทยสวนดุสิต ได้ที่ ฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาศิลปวัฒนธรรม โทร.๐-๒๒๔๔-๕๓๕๐,๐-๒๒๔๔-๕๓๕๒

3. ข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่มีประโยชน์ต่อสังคมแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน องค์กร และสถาบันโดยตรง

คาดอีก 13 ปี ทั่วโลกมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่ม 15 ล้านคน

นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดการประชุมวิชาการโรคมะเร็งแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จัดโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พร้อมกล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นภัยคุกคามทางสุขภาพอันดับ 1 ในศตวรรษที่ 21 โดยพบว่า มีมะเร็งมากกว่า 100 ชนิด แต่ละปีชาวโลกต้องเสียชีวิตจากโรคนี้เกือบ 8,000,000 คน คาดว่า ในอีก 13 ปี ทั่วโลกจะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งรายใหม่เพิ่มขึ้น 15 ล้านคน
ส่วนประเทศไทยพบว่า ขณะนี้โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 ของประเทศกว่า 52,000 คน คาดว่าปีหน้าจะพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ถึง 120,000 ราย จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในการควบคุมป้องกันโรคมะเร็ง โดยเน้นปัจจัยหลัก คือ ลดพฤติกรรมเสี่ยงทั้งบุหรี่ อาหาร ออกกำลังกาย การป้องกันโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B) ตัวการทำให้เป็นมะเร็งตับ และเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV : Human Papilloma Virus) ต้นเหตุมะเร็งปากมดลูก การเข้าถึงยาต้านมะเร็งมากขึ้น ซึ่งพบว่า มะเร็งร้อยละ 40 สามารถป้องกันได้ สำหรับมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้ชาย ได้แก่ มะเร็งตับ รองลงมาเป็น ปอด ลำไส้ใหญ่/ทวารหนัก ช่องปาก/คอหอย และต่อมลูกหมาก ในผู้หญิงพบมะเร็งปากมดลูกมากที่สุด รองลงมาเป็นเต้านม ตับ ปอด และลำไส้ใหญ่/ทวารหนัก โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนักนี้ กรมการแพทย์มีนโยบายจะทำโครงการระดับชาติในปี 2551 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการตรวจหาทางอุจจาระ เพื่อดูระดับภูมิต้านทาน (Immuchemical stool exam) ซึ่งหากสำเร็จจะสามารถให้การรักษาผู้ที่มีความผิดปกติตั้งแต่ในระยะเริ่ม แรกอย่างได้ผลดียิ่งขึ้น เพราะผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เสียชีวิตปีละประมาณ 1,500 ราย ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 95 ที่มาพบแพทย์ เซลล์มะเร็งลุกลามไปที่อวัยวะอื่นแล้ว

ที่มา : โดย ผู้จัดการออนไลน์ 12 ธันวาคม 2550 12:53 น.