คำกล่าวรายงาน
“โครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษา”
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ประจำปีงบประมาณ 2548
“โครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษา”
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ประจำปีงบประมาณ 2548
..................................................
เรียน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ที่เคารพ
กระผม นายอุดร พิสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต5 ในนามคณะกรรมการดำเนินงาน ขอขอบพระคุณท่านผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 เป็นอย่างสูงที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในวันนี้ ขอเรียนความเป็นมาใน
การจัดอบรมครั้งนี้ เพื่อโปรดทราบโดยสังเขป ดังนี้
สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่อง “โรคเอดส์” ในสถานศึกษา กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรคได้มอบหมายงานให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 เป็นแกนนำในการจัดประชุมอบรมรณรงค์ป้องกัน “โรคเอดส์” ในสถานศึกษา ให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้ตระหนึกถึงปัญหาของ “โรคเอดส์” ตลอดจนการอยู่ร่วมกับผู้ป่วย “โรคเอดส์” อย่างถูกต้อง ตลอดจนเห็นความสำคัญของครู ในการมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา “โรคเอดส์” ในสถานศึกษาซึ่งถือว่าเป็นการป้องกันในระดับรากหญ้า ครูในฐานะเป็นผู้พัฒนาคุณภาพของคน และสังคม ทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติ ปฏิบัติภารกิจในการที่จะช่วยเหลือ ผู้เข้าร่วมประชุมอบรมวันนี้ ประกอบด้วยนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งเป็นผู้แทนโรงเรียนละ 2 คน รวม 30 คน ครู/อาจารย์รับผิดชอบงานอนามัยหรืองาน “โรคเอดส์” โรงเรียนละ 2 คน รวม 30 คน เจ้าหน้าที่เขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 จำนวน 10 คน โรงเรียนขยายโอกาสจำนวน 30 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน -100 คน โดยใช้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค
วิทยากรได้รับความร่วมมือจาก ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดอุบลราชธานี ด้านสถานที่ห้องประชุม อาหารเครื่องดื่ม และอื่น ๆ ตลอดจนสิ้นการประชุม วิทยาลัยเทคนิคเดช -อุดม จังหวัดอุบลราชธานี ครู / อาจารย์โรงเรียน ในที่นี้ ที่ให้การสนับสนุนส่งนักเรียนทุกคนได้เข้าร่วมประชุมอบรมในครั้งนี้ สมควรได้รับความขอบคุณมา ณ โอกาสนี้
บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว จึงขอเรียนท่านประธานกล่าวพิธีเปิดการประชุมและบรรยายพิเศษตามแต่จะพิจารณาเห็นสมควรต่อไป
............................................................
2. คำกล่าวเปิดงาน
คำกล่าวเปิดงาน
“โครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษา”
“โครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกันโรคเอดส์ในสถานศึกษา”
.........................................
เรียน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สพท. อบ.5 คณะครู/อาจารย์ และผู้มีเกียรติทุกท่าน
กระผม รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมโครงการประชุมอบรมรณรงค์ป้องกัน “โรคเอดส์” ในสถานศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ประจำปีงบประมาณ 2548 ในวันนี้
จากการที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ และถือเป็นนโยบายหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการในเรื่อง “โรคเอดส์” ที่ผ่านมาจากสื่อต่าง ๆ ทำให้สามารถสะท้อนให้เห็นสภาพของผู้ป่วยด้วย “โรคเอดส์” ที่สมควรได้รับการดูแลจากสังคม ทุกด้านเยาวชนในสถานศึกษา เป็นอนาคตของชาติ ควรจะได้เรียนรู้ถึงทักษะชีวิต ในการป้องกัน “โรคเอดส์” ที่อาจจะเกิดกับตัวเอง และได้ตระหนักถึงปัญหาของ “โรคเอดส์” ตลอดจนการอยู่ร่วมกับผู้ป่วย “โรคเอดส์” อย่างถูกต้อง
จากการรายงานของ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา-อุบลราชธานี เขต 5 ทำให้ทราบว่า การพัฒนานักเรียนซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันและแก้ไขปัญหา ของเด็กเยาวชนในระดับรากหญ้า ขอให้ทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมอบรมในวันนี้ ได้ทำความเข้าใจการอบรมทักษะชีวิตในครั้งนี้ เพื่อที่จะนำไปใช้อย่างจริงจัง และให้เกิดประโยชน์ในสถานศึกษาของท่าน และขยายผลให้กับสถานศึกษาใกล้เคียง
ขอขอบพระคุณวิทยากร จากศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียน จังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารโรงเรียนที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ และบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้
บัดนี้ ได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว กระผมขอเปิดการประชุมอบรมโครงการรณรงค์ “โรคเอดส์” ในสถานศึกษาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ณ บัดนี้
..................................................................
3. คำกล่าวปิดงาน
คำกล่าวปิดงาน
ของ
คณบดีคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
หลักสูตร “การพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP”
27 เมษายน 2551
ของ
คณบดีคณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ
โครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต
หลักสูตร “การพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP”
27 เมษายน 2551
...............................................
ท่านรองคณบดี คณาจารย์ และผู้เข้าฝึกอบรมทุกท่าน
กระผมรู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานในพิธีปิดโครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต หลักสูตร “การพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP” ซึ่งฝ่ายกิจการนักศึกษาและกิจการพิเศษ ร่วมกับสาขาวิชาระบบสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ศูนย์สุพรรณบุรี ได้ร่วมกันจัดขึ้น
จากที่รองคณบดีได้รายงานผลการจัดโครงการฝึกอบรมให้ทราบนั้น กระผมขอแสดงยินดีและชื่นชมต่อความสำเร็จของทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรม จนทำให้ได้รับวุฒิบัตร
ท้ายที่สุดนี้ กระผมขอขอบคุณคณะกรรมการดำเนินงาน หน่วยงานที่ให้การสนับสนุนการจัดโครงการในครั้งนี้ วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้เสียสละเวลามาบรรยาย ถ่ายทอดประสบการณ์และให้ความรู้ และขอขอบคุณผู้เข้าฝึกอบรมทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล จงดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุข เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานยิ่ง ๆ ขึ้นไป และขอให้เดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
บัดนี้ ได้เวลาอันสมควรแล้ว กระผมขอปิดโครงการโครงการฝึกอบรมคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ต หลักสูตร “การพัฒนา Web Application ด้วยภาษา PHP” ณ บัดนี้
....................................................
4. คำกล่าวแนะนำบุคคล
สืบ นาคะเสถียร
สืบ นาคะเสถียร เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ที่ตำบลท่างาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี บิดาคือ นายสลับ นาคะเสถียร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี มารดาชื่อ นางบุญเยี่ยม นาคะเสถียร มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน โดยคุณสืบ นาคะเสถียรเป็นบุตรชายคนโต ในวัยเด็ก สืบ นาคะเสถียร ได้ช่วยงานในนาของมารดา ทำงานอยู่กลางแจ้งทั้งวันโดยไม่ปริปากบ่น บุคลิกประจำตัว คือเมื่อเขาสนใจหรือตั้งใจทำอะไรแล้วก็จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจทำอย่างจริงจังจนประสบความสำเร็จ และเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีมาโดยตลอด การศึกษาสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโท สาขาวนวัฒน์วิทยา คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และปริญญาโท มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ สาขาวิชาอนุรักษ์วิทยา
การทำงาน สืบ นาคะเสถียรเข้ารับราชการในตำแหน่งเริ่มต้น คือตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า และปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอื่น ๆ ต่อมาคือหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราษฎ์ธานี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำแหน่งสุดท้ายคือ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร
สืบ นาคะเสถียร ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า ทั้งในด้านการวิจัยและด้านการปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเดือดร้อน เช่น การอพยพสัตว์ป่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน เชี่ยวหลาน เขาทำงานด้วยความเสียสละ รับผิดชอบ และมีความตั้งใจสูง คำนึงถึงความปลอดภัยและสวัสดิการของผู้ร่วมงานอย่างเช่นการปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2529 ซึ่งจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน ทำให้ป่าดงดิบนับแสนไร่ต้องจมอยู่ใต้น้ำส่วนที่เป็นเนินเขาและภูเขาถูกตัดขาดเป็นเกาะน้อยใหญ่จำนวน 162 เกาะ สัตว์ป่านานาชนิดที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องได้รับผลกระทบจากการที่มีน้ำท่วมฉับพลัน สัตว์ป่าจำนวนมากที่หนีน้ำไม่ทันไม่น้อยกว่า 338 ชนิด ซึ่งมีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น เลียงผา เสือลายเมฆ สมเสร็จ ช้าง กระทิง วัวแดง ไก้ฟ้าหน้าเขียว นกหว้า กบทูด เป็นต้น สัตว์ป่าเหล่านี้ต้องประสบกับการอดอาหาร ขาดร่มเงา ต้นไม้ที่เหลืออยู่บนเกาะก็กำลังจะตาย สัตว์ที่ติดอยู่บนเกาะไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องอดอาหารหรือจมน้ำตาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน สืบ นาคะเสถียร คือหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าเหล่านี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย
การทำงาน สืบ นาคะเสถียรเข้ารับราชการในตำแหน่งเริ่มต้น คือตำแหน่งพนักงานป่าไม้ตรี กองอนุรักษ์สัตว์ป่า และปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอื่น ๆ ต่อมาคือหัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบางพระ หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) จังหวัดสุราษฎ์ธานี หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำแหน่งสุดท้ายคือ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าที่ห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร
สืบ นาคะเสถียร ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่า ทั้งในด้านการวิจัยและด้านการปฏิบัติการช่วยเหลือชีวิตสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเดือดร้อน เช่น การอพยพสัตว์ป่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างเขื่อน เชี่ยวหลาน เขาทำงานด้วยความเสียสละ รับผิดชอบ และมีความตั้งใจสูง คำนึงถึงความปลอดภัยและสวัสดิการของผู้ร่วมงานอย่างเช่นการปฏิบัติงานในหน้าที่หัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าตกค้างในพื้นที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2529 ซึ่งจากการสร้างเขื่อนเชี่ยวหลาน ทำให้ป่าดงดิบนับแสนไร่ต้องจมอยู่ใต้น้ำส่วนที่เป็นเนินเขาและภูเขาถูกตัดขาดเป็นเกาะน้อยใหญ่จำนวน 162 เกาะ สัตว์ป่านานาชนิดที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ต้องได้รับผลกระทบจากการที่มีน้ำท่วมฉับพลัน สัตว์ป่าจำนวนมากที่หนีน้ำไม่ทันไม่น้อยกว่า 338 ชนิด ซึ่งมีสัตว์หลายชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น เลียงผา เสือลายเมฆ สมเสร็จ ช้าง กระทิง วัวแดง ไก้ฟ้าหน้าเขียว นกหว้า กบทูด เป็นต้น สัตว์ป่าเหล่านี้ต้องประสบกับการอดอาหาร ขาดร่มเงา ต้นไม้ที่เหลืออยู่บนเกาะก็กำลังจะตาย สัตว์ที่ติดอยู่บนเกาะไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องอดอาหารหรือจมน้ำตาย หากไม่ได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน สืบ นาคะเสถียร คือหัวหน้าโครงการอพยพสัตว์ป่าเหล่านี้เป็นครั้งแรกในเมืองไทย
.........................................................
5. คำกล่าวปราศรัย
คำกล่าวปราศรัย
ของ
ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ ครบรอบ 132 ปี
วันที่ 14 เมษายน 2550
ของ
ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ ครบรอบ 132 ปี
วันที่ 14 เมษายน 2550
...................................................
พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน
วันนี้ 14 เมษายน ตรงกับวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงการต่างประเทศ ครบ 132 ปี กระผม นายนิตย์ พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบงานสำคัญบางประการของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ดำเนินการมา และที่จะทำต่อไป ดังนี้
ในประการแรก กระทรวงการต่างประเทศได้ปรับปรุงประสิทธิภาพ และความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการด้านกงสุลแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น การออกหนังสือเดินทาง และการจัดโครงการกงสุลสัญจร เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในท้องถิ่นที่ห่างไกล โดยในปีนี้มีแผนที่จะจัดโครงการให้ได้ 33ครั้ง ในทุกภาคของประเทศ รวมทั้งจังหวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดได้ลงไปที่จังหวัดปัตตานีและสงขลา ซึ่งพี่น้องประชาชนมาใช้บริการรวมแล้วเกือบ 10,000 คน รวมบรรดาท่านที่กำลังจะไปร่วมพิธีฮัจย์ด้วย นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศยังได้ติดตามดูแลสวัสดิภาพ และความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยในต่างประเทศในเกือบ 100แห่งทั่วโลก โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้ให้การช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศแล้วทั้งสิ้นเกือบ 2,000 ราย
งานสำคัญประการที่สองของกระทรวงการต่างประเทศ ได้แก่ การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องถือว่าเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย ซึ่งบัดนี้ทวีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นขึ้นมาก ท่านนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยน การเยือน และล่าสุด กระผมเองได้ไปเยือนมาเลเซีย และตกลงที่จะร่วมมือกับมาเลเซียในหลายด้านที่จะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภาคใต้ นอกจากนั้น กระทรวงการต่างประเทศยังได้ดำเนินการแสวงหาพันธมิตรในประชาคมมุสลิมระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจที่ถูกต้องในเวทีระหว่างประเทศ ว่าเรื่องภาคใต้เป็นปัญหาภายในประเทศของไทย และรัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหานี้โดยสันติวิธี เน้นความสมานฉันท์ การส่งเสริมการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยเน้นความเป็นธรรมและความเป็นไทย ตลอดจนดูแลลูกหลานของเราที่กำลังศึกษาในประเทศมุสลิม ซึ่งจะเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศของเราต่อไป
ในประการที่สาม กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับเพื่อนบ้าน บนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่เกื้อกูลกัน อันจะนำมาซึ่งความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างพี่น้องประชาชนในอนุภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดน นอกจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศยังได้ผลักดันความคืบหน้าของกรอบความร่วมมือในภูมิภาคที่เรียกกันว่า ความร่วมมือ 3 ลุ่มแม่น้ำ ได้แก่ อิรวดี เจ้าพระยา แม่โขง ในหลายด้านอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางคมนาคม อันจะช่วยอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความสัมพันธ์ของพี่น้องประชาชนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น กับยังจะช่วยเปิดทางนำประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนและอินเดียมาสู่ภูมิภาคนี้ได้ด้วย ซึ่งพี่น้องทุกท่านคงเห็นด้วยว่าประเทศไทยมีความได้เปรียบจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และมีศักยภาพที่จะเป็นจุดศูนย์กลางของการคมนาคมในเอเชียได้เป็นอย่างดี
ในประการที่สี่ กระทรวงการต่างประเทศได้ผลักดันความก้าวหน้าของอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยปีนี้เป็นปีสำคัญ หากเปรียบเทียบกับชีวิตคนแล้ว อาเซียนกำลังก้าวเข้าสู่วัยกลางคนโดยจะมีอายุครบ 40 ปี และจะมีการจัดทำกฎบัตรอาเซียนเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นธรรมนูญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้ สำหรับไทยเองจะรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปี 2551 และในต้นปีเดียวกัน คนไทยผู้เป็นที่ยอมรับนับถือ ทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ ก็จะได้รับตำแหน่งเลขาธิการอาเซียน กระผมคิดว่าเป็นโอกาสดีมาก ที่เราจะผลักดันการรวมตัวของอาเซียน ให้เป็นครอบครัว ที่ใกล้ชิดกันในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่ต่อไปในรูปของประชาคม ซึ่งมีกฎเกณฑ์เป็นพื้นฐาน และแน่นอนว่าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของอาเซียนดังกล่าว จะยังประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนอย่างมาก
ในประการที่ห้า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศได้เร่งดำเนินการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาทำให้ประเทศส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์และคงความเป็นมิตรที่ดีต่อไทย คงมีเพียงบางประเทศที่อาจจะยังติดขัดด้วยกฎเกณฑ์หรือกฎหมายที่เขายึดถือ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็กำลังดำเนินงานอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้มิตรของเราได้เข้าใจและเห็นความจริงจังของรัฐบาลในการนำประเทศกลับสู่กระบวนการประชาธิปไตยในกรอบเวลาอันชัดเจน สัญญาญที่ได้รับมาจนถึงวันนี้ส่อชัดว่าเรากำลังเดินไปในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม
พี่น้องประชาชนที่รัก ตลอดระยะเวลา 132 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินงานโดยยึดมั่นในจุดยืนที่จะรักษาความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศและประชาชน ส่งเสริมความกินดีอยู่ดีของประชาชน รวมทั้งปกปักษ์รักษาอธิปไตย และเอกราชของชาติ ตลอดจนศักดิ์ศรีของประเทศไทยให้คงอยู่สืบต่อไป ในโอกาสนี้ กระผมขอเชิญชวนให้พี่น้องทุกท่านติดตามงานด้านการต่างประเทศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะกับกระทรวงการต่างประเทศได้ตลอดเวลา เพื่อเราจะได้ปรับปรุงการดำเนินงานของเราให้ตอบสนองต่อความต้องการของท่าน และผลประโยชน์แห่งชาติให้มากยิ่งๆ ขึ้น
ท้ายสุดนี้ ในโอกาสที่เป็นปีใหม่ของชาวไทยทุกท่าน กระผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ได้โปรดคุ้มครองพี่น้องประชาชนทุกท่านให้ประสบแต่ความสุข มีสุขภาพแข็งแรง เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานและการดำเนินชีวิต มีสรรพกำลัง ทั้งกาย ใจ และสติปัญญา ที่จะช่วยกันพัฒนาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้า และมีความอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป ขอขอบคุณและสวัสดีครับ
.............................................................